หลายๆคนอาจจะได้เห็นข่าวกันแล้วในช่วงนี้(ต้นปี 2021) ว่าราคาของ Bitcoin มันพุ่งขึ้นไปสูงถึง เหรียญละ 1ล้านบาทไทยทั้งๆที่ต้นเดือนธ.ค.ของปี 2020 มันยังราคาแค่ 5แสนบาทอยู่เลย เรียกได้ว่าราคาของมันพุ่งสูงมากในเวลาอันสั้นทำให้หลายๆคนสนใจอยากจะเป็นเจ้าของ Bitcoin ขอแค่สักเหรียญเดียวถ้ามันพุ่งขึ้นไปอีกเราก็รวยแล้ว

แต่เดี๋ยวก่อนนนน! คุณรู้จัก Bitcoin แล้วหรือยังหรือแค่เห็นว่ามันราคาพุ่งเลยอยากซื้อตามเขา
มายด์กล่าวเอง
นั่นสิแล้ว Bitcoin มันคืออะไรหว่าเหมือนสกุลเงินทั่วๆไปไหม หลังจากที่ผมไปหาข้อมูลมาในบทความนี้จะมาสรุปข้อมูลของเจ้า Bitcoin ให้โดยผมจะย่อยออกมาในภาษาที่เข้าใจง่ายๆจะพยายามให้คุณ อ๋ออออ ให้ได้(ถ้าไม่ได้หลังไมค์มาละกัน) เอาล่ะไปเริ่มกันเลย
Bitcoin คืออะไร
Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอลและเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่า Cryptocurrency คิดค้นขึ้นมาโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ปัจจุบันยังไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร และทุกคนบนโลกสามารถใช้ Bitcoin แลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระ
Bitcoin เกิดขึ้นมาทำไม
Satoshi Nakamoto นั้นตระหนักถึงปัญหาการแทรกแซงกลไกตลาดและเศรษฐกิจ ของรัฐบาล การพิมพ์เงินเข้าระบบเป็นว่าเล่นนั้น อาจจะสร้างวิกฤติในอนาคตได้ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศเวเนซุเอล่า ซิมบับเว
การสร้าง Bitcoin ขึ้นมาเพื่อใช้แลกเปลี่ยนแทนสกุลเงินทั่วไปนั้นก็เพื่อลดอำนาจของรัฐบาลเพราะรัฐไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงกลไกตลาดของตัว Bitcoin ที่อยู่ในระบบ Blockchain ได้นั่นเอง

ความแตกต่างระหว่าง Bitcoin กับสกุลเงินทั่วไป
หัวข้อ | Bitcoin | สกุลเงินทั่วไป (USD, THB, YEN, etc.) |
---|---|---|
ผู้ควบคุม, ตัวกลาง | ไม่มี | รัฐบาล, ธนาคารกลาง |
รูปร่าง | ไม่มี จับต้องไม่ได้ | ธนบัตร, เหรียญ |
ตีพิมพ์ ปั๊ม ผลิตโดย | ไม่มี* | รัฐบาล |
จะเห็นได้ว่า Bitcoin ไม่ขึ้นอยู่กับใคร แล้วเวลาทำธุรกรรมต่างๆใครจะเป็นคนตรวจสอบล่ะ ยกตัวอย่างสกุลเงินทั่วไปเวลาเราโอนเงินให้เพื่อน ธนาคารก็จะดูว่าเรามีเงินพอไหม ถ้าพอก็จะตัดเงินจากบัญชีเราแล้วก็ไปเพิ่มเงินในบัญชีของเพื่อนเรา และธนาคารก็จะบันทึกข้อมูลธุรกรรมนั้นๆ จะเห็นว่าธนาคารเป็นคนตรวจสอบธุรกรรม แล้ว Bitcoin ล่ะ ในเคสเดียวกันเวลาเราจะโอน Bitcoin ให้เพื่อนจะมีขั้นตอนดังนี้
- เราจะทำการประกาศให้ทุกคนที่อยู่ในระบบรู้ว่าจะเราจะทำธุรกรรมนะ
- เสร็จแล้วข้อมูลธุรกรรมของเราจะกระจายไปในระบบเพื่อรอตรวจสอบ
- ทุกคนในระบบจะรับรู้ถึงธุรกรรมและสามารถตรวจสอบได้ (ขุด)
- เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วธุรกรรมจะถูกบันทึกลงในระบบซึ่งทุกคนในระบบจะทราบถึงข้อมูลนี้เหมือนๆกันว่าเราได้โอน Bitcoin ให้เพื่อนสำเร็จ
ถ้าจะมีใครสักคนโจมตีเพื่อแก้ไขเปลี่ยนค่าของธุรกรรมนั้นต้องโจมตีพร้อมกันทั้งระบบซึ่งเป็นไปไม่ได้ทำให้ข้อมูลในระบบมีความน่าเชื่อถือ เทคโนโลยีนี้เรียกว่า Blockchain ไว้เรามาลงลึกเรื่อง Blockchain ในบทความถัดไปเนอะเดี๋ยวจะยาว

มันไม่มีรูปร่างแล้วเราจะจัดเก็บ Bitcoin ของเราไว้ที่ไหนล่ะ
ยกตัวอย่างสกุลเงินทั่วไปเวลาเราจะทำธุรกรรมออนไลน์เราก็แค่ไปธนาคารหรือเข้า Mobile Banking แล้วก็เปิดบัญชี เสร็จแล้วเราก็จะได้เลขบัญชีของเรามาใช้แล้วเวลามีเงินเข้า-ออกจากบัญชีทางธนาคารก็จะอัพเดตบัญชีเราให้ แต่สำหรับ Bitcoin นั้นเวลาเราจะเปิดบัญชีจะเป็นการสร้าง Key ขึ้นมา 2 ตัวในระบบซึ่งตัวแรกจะถูกเรียกว่า Private Key ซึ่งเป็นความลับเจ้าของต้องเก็บไว้เหมือนลายเซ็นของเจ้าของ และอีกตัวคือ Public Key ซึ่งเปรียบเสมือนกับเลขบัญชีธนาคาร ต่างกันที่ข้อมูลบัญชีของเราไม่ได้ถูกจัดเก็บโดยธนาคารแต่เป็นการบันทึกข้อมูลลงระบบ Blockchain ที่กล่าวไปข้างต้น
การขุด Bitcoin
Q: ในเมื่อ Bitcoin ปั๊ม ตีพิมพ์ หรือผลิตเพิ่มจากคนกลางไม่ได้แล้วเราจะได้ Bitcoin มาใช้จากไหนล่ะ
A: ได้จากการ “Mining” หรือที่เราเรียกว่า “การขุด” Bitcoin นั่นเอง
ถ้าย้อนกลับไปข้างบนจะเห็นว่าธุรกรรมทั้งหมดของ Bitcoin นั้นจะถูกบันทึกลงใน Blockchain ซึ่งตัว Blockchain เนี่ยมันเป็นระบบที่อยู่ในเครื่องของทุกคนมันไม่ใช่คนใดคนหนึ่งเครื่องใดเครื่องหนึ่งทำให้ใครๆในระบบก็สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่กำลังจะเพิ่มล่าสุดได้ผ่านการใช้คอมพิวเตอร์แก้สมการทางคณิตศาสตร์ของชุดข้อมูลก่อนหน้า เราจะเรียกคนที่จะมาช่วยตรวจสอบเหล่านี้ว่านักขุด
โดยนักขุดคนแรกที่สามารถหาคำตอบได้ถูกต้องจะเป็นคนได้ทำการบันทึกข้อมูลธุรกรรมนั้นลงในระบบ เสร็จแล้วระบบก็จะตอบแทนความพยายามนั้นเป็น Bitcoin นั่นเองโดยในครั้งแรกผลตอบแทนเท่ากับ 50 Bitcoinถือว่าเยอะทีเดียว เพื่อนๆอาจจะมีคำถามตามมาดังนี้
Q: อย่างนี้ Bitcoin ก็มีไม่จำกัดเลยสิเพราะมีธุรกรรมเกิดขึ้นตลอดก็มี Bitcoin งอกมาตลอดเลยใช่ไหม
A: Bitcoin มีจำกัดเพราะถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะมีแค่ 21M Bitcoin
Q: แล้วถ้าคนมาแห่กันขุดจนครบ 21M แล้วก็ไม่มี Bitcoin ขึ้นมาอีกแล้วสิ
A: Satoshi คิดไว้แล้วจึงกำหนดให้ผลตอบแทนที่ได้จากการขุดจะลดลงครึ่งนึงทุกๆปีครึ่ง จากการคำนวน Bitcoin จะถูกขุดครบปี ค.ศ. 2140 อีก 100 กว่าปีข้างหน้านู่นเลย
ปัจจุบันผลตอบแทนเท่ากับ 6.25 Bitcoin
อีกอย่างหนึ่งคือ Satoshi ได้คิด Logic ไว้ว่าเวลาที่ใช้ในการขุด Bitcoin จะเสร็จประมาณ 10 นาทีถ้าเสร็จไวแสดงว่ามีคนขุดเยอะตัวระบบจะเพิ่มความยากในการขุดไปอีกกลับกับถ้าขุดเสร็จช้าแสดงว่ามีคนขุดน้อยระบบก็จะลดความยากลงมาให้อัตโนมัติ Satoshi นี่มันเทพจังวะ
ราคาของ Bitcoin ขึ้นอยู่กับอะไร

Bitcoin นั้นก็เหมือนกับสินทรัพย์อื่นๆแหละขึ้นอยู่กับ อุปสงค์ อุปทาน เมื่อมีคนอยากได้เยอะราคาก็พุ่งเมื่อไม่มีคนใช้ราคาก็ลง แต่มันจะแตกต่างกับสินทรัพย์อย่างหุ้นหรือกองทุนตรงที่มันไม่เกี่ยวข้องกับผลประกอบการของใครเพราะมันไม่มีตัวกลางไม่มีใครควบคุม
สิ่งที่จะทำให้ราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นก็คือการเปิดรับการซื้อขายสินค้าผ่าน Bitcoin ของบริษัทใหญ่ๆหรือการสนับสนุนของรัฐบาลนั้นๆนั่นเอง
อยากมี Bitcoin จังทำไงดี
ในตอนนี้มีวิธีในการที่เราจะได้ Bitcoin มาครอบครองแค่ 2 วิธีดังนี้
การขุด
เราสามารถขุดเองโดยการใช้คอมพิวเตอร์ของเราขุดในตอนแรก Satoshi ออกแบบให้ขุดด้วย CPU แต่มีคนค้นพบว่า การ์ดจอ มันขุดได้เร็วกว่า ทำให้เกิดช่วงที่การ์ดจอขาดตลาด และยังมีการตั้ง server มาให้คนมาร่วมกันขุดถ้าได้ก็แบ่งเงินกันในทีมอีกด้วย
ข้อสังเกตุ: การจะขุดนั้นมีต้นทุน Hardware ค่าไฟ ดังนั้นควรคำนวนด้วยว่าคุ้มหรือไม่
การเทรด
เราสามารถเปิดบัญชีดิจิตอลเพื่อซื้อ ขาย Bitcoin ด้วยเงินสกุลทั่วๆไปได้เหมือนๆกับการเปิด Port เพื่อเทรดหุ้นในตลาดหุ้น ปัจจุบันในไทยมีผู้ให้บริการดังๆในด้านการเทรด Cryptocurrency คือ Bitkub แล้วไม่ต้องห่วงว่า Bitcoin ราคาเหรียญละล้านใครจะไปซื่้อไหวเพราะว่าขั้นต่ำที่เราสามารถซื้อได้คือ 0.00000001 Bitcoin ซึ่งในวงการจะเรียกว่า 1 satoshi เพื่อให้เกียรติผู้คิดค้น
ข้อสังเกตุ: ราคา Bitcoin มีขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาและถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมากอีกด้วย
สรุป
- Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอลสกุลเงินหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อกรกับการแทรกแซงกลไกตลาดและเศรษฐกิจของรัฐบาล
- ในปัจจุบัน Cryptocurrency ไม่ได้มีแค่ Bitcoin แต่มีอื่นๆอีกเช่น Ethereum Zcoin Litecoin ซึ่งแต่ละค่าเงินมีจุดประสงค์ของมันเช่น Bitcoin สร้างสำหรับ P2P Ethereum ถูกสร้างขึ้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชั่น
- การทำธุรกรรมของ Bitcoin จะผ่านระบบที่เรียกว่า Blockchain ทำให้เกิดการปลอมแปลงข้อมูลได้ยากอีกทั้งจะโจมตีระบบก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยเพราะ Blockchain ถูกรันด้วยเครือข่ายทั่วโลกไม่ใช่ที่ใดที่หนึ่ง
- การจะได้มาซึ่ง Bitcoin นั้นทำได้โดยการขุด ซึ่งมีต้นทุนเป็นค่า Hardwere และค่าไฟ และอีกอย่างที่ทำได้คือการเทรดผ่านผู้ให้บริการ
สุดท้ายแล้วการลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนนะครับโดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง Bitcoin แล้วยิ่งต้องระมัดระวัง เงินที่มาลงทุนควรเป็นเงินเย็นนะครับ ถ้าคุณเป็นมือใหม่ในเรื่องการลงทุนแล้วอยากลองเริ่มศึกษา สามารถย้อนกลับไปอ่านบทความเก่าได้นะครับ สำหรับครั้งนี้ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับผมม
ย้อนกลับไปอ่านบทความเก่า คลิก
และแล้วก็ตอนนี้ Blog นี้ก็มีแฟนเพจ Facebook สำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลแล้ว ฝากไปกดไลค์กดติดตามด้วยนะครับผมม
1 ความเห็น