รีวิวเที่ยวเวียดนามเหนือ ฮานอย ซาปา 4วัน3คืน ไม่ง้อทัวร์

สวัสดีครับทุกคน พอดีปีนี้ยุ่งๆมีเรื่องย้ายงานด้วย เลยไม่มีเวลาได้มาอัพเดตเลย พอสิ้นปีเลยอยากจะไปเที่ยวพักผ่อนสักหน่อยปีนี้เลยตัดสินใจจะไปเวียดนามครับ จากที่ไปครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วแต่ตอนนั้นไปเวียดนามใต้นะคราวนี้เลยอยากสัมผัสอากาศหนาวสักหน่อยเลยเลือกไปเวียดนามเหนือครับ

ช่วงเตรียมตัว

ไปเวียดนามครั้งนี้ผมไปกัน 4 คนครับผมพ่อแม่และก็แฟน แพลนไว้ว่าอยากไปเที่ยวกันเองไม่อยากไปกับทัวร์และก็ไม่อยากไปหาโรงแรมหารถเดินทางหน้างาน เลยตัดสินใจจองทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเดินทางเลยครับ

สิ่งที่ผมจองก่อนไปเวียดนามมีดังนี้

  • ตั๋วเครื่องบิน VietJetAir ไปกลับ กทม-ฮานอย 4,200 บาท/คน
  • ตั๋วรถไฟ Lamen Express จากฮานอยไปซาปา 4,590 บาท/4คน
  • ที่พัก Chau Long Apa Hotel ที่ซาปาหนึ่งคืน 1,800 บาท/ห้อง/คืน
  • ตั๋ว รถราง กระเช้า ขึ้นยอดเขาฟานซิปัน 1,500 บาท/คน
  • รถบัสจากซาปากลับมาที่ฮานอย 575 บาท/คน
  • ที่พัก Diamond King Hotel & Restaurant ที่ฮานอยหนึ่งคืน 900 บาท/ห้อง/คืน

รวมแล้วตกคนละไม่ถึงหมื่นถือว่ายังอยู่ในงบ 555 แล้วก็ผมแลกเงินไป 15,000 บาท ได้เเป็นเงินเวียดนาม 10 ล้านกว่าดอง 5555 เตรียมตัวเสร็จแล้วเราไปเริ่มวันแรกกันเล้ย

วันที่ 1 ออกเดินทาง

เริ่มจากนั่งแท็กซี่ไปสนามบินสุวรรณภูมิพอดีมันตรงกับวันหยุดยาวคนเลยเยอะมากทั้งบนถนนและในสนามบินเครื่องออกบ่ายสาม เปิดให้เชคอินตอนเที่ยงพอผมไปถึงก็เข้าเชคอินเลยเพราะกลัวไปติดคนเยอะตอนตรวจกระเป๋า

สนามบินสุวรรณภูมิคนอย่างแน่นโดยเฉพาะที่ตรวจกระเป๋า

กว่าจะตรวจกระเป๋าและผ่านตม.เสร็จก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าได้ขึ้นเครื่องสักที go go เวียดนาม ปล. เครื่องไม่เลทเลยออกตรงเวลามาก

ถึงเวียดนามประมาณ 5 โมงครึ่งใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชม. พอถึงเสร็จก็ต้องต่อรถไปที่สถานีรถไฟฮานอยผมดูมาแล้วว่ามี 2 ช้อยให้เลือกระหว่างรถเมล์สาย86 กับ taxi พอดีเห็นเวลายังเหลือเลยเลือกที่จะนั่งรถเมล์ ราคาคนละ 45,000 ดอง (60 บาท) นั่งจากต้นสาย สนามบินไปลงสุดสายที่ สถานีรถไฟเลย

ใช้เวลาเดินทาง ชม. กว่าๆก็ถึงสถานีรถไฟ พอมาถึง ก็หิวมากเพราะไม่ได้กินข้าวเที่ยง แล้วกว่าจะได้ขึ้นรถไฟก็ตอน 4 ทุ่ม ผมเลยฝากกระเป๋าและไปหาอะไรกิน เดินเล่นกันก่อน มื้อแรกของเวียดนามก็คือ เฝอไก่ นั่นเองรสชาติอร่อยเลยล่ะมื้อนี้ ชามละ 40,000 ดอง (57 บาท)

พอ 3 ทุ่มก็ถึงเวลาเชคอินเพื่อขึ้นรถไฟ จะมีจนท มาพาเดินจากโรงแรมไปขึ้นรถไฟ รถไฟตรงปกมากเหมือนที่เห็นในรูปสุดๆ ที่สำคัญออกตรงเวลาเป๊ะ ถ้ามาสายก็น่าจะตกรถเลยล่ะ รถไฟเป็นตู้นอนแบ่งเป็นห้องๆ ห้องละ 4 เตียงถ้ามาไม่ครบ 4 คนก็ต้องไปนอนกับคนอื่นโชคดีที่เรามากัน 4 คนเลยเหมาห้องซะเลย บนรถไฟมีห้องน้ำสะอาดเลยแหละที่สำคัญมีที่ฉีดตูดด้วยนะ 5555 แต่ไม่มีห้องอาบน้ำนะมีแต่อ่างล้างหน้า พอรถออกเราก็นอนยาวๆเลย ใช้เวลาเดินทาง 9 ช.ม. ถึงที่สถานีปลายทาง ลาวไก ตอน 6 โมงเช้า

สรุปวันแรก เป็นวันเดินทางตั้งแต่ขึ้น taxi ต่อ เครื่องบิน ต่อ รถเมล์ ต่อ รถไฟ 555 รถไฟค่อนข้างโยนยิ่งนอนข้างบนยิ่งโยนมากถ้าใครเมารถน่าจะต้องพกยาแก้เมาไม่ก็ต้องเลือกไปนั่งรถบัสแทนครับ

วันที่ 2 ซาปา

พอมาถึงที่ลาวไกผมก็เลือกที่จะต่อ taxi ขึ้ืนไปที่ ซาปา เพราะว่าอยากถึงไวๆถ้าไปต่อรถบัสน่าจะนานโดยที่จะมีคนมาขายตั๋ว taxi ที่บนรถไฟเลยค่า taxi โดนไป 600,000 ดอง (800 บาท) แอบจุกอยู่ ใช้เวลาเกือบ ชม ก็ถึงซาปา ระหว่างทางเป็นเขาอากาศเย็นมีหมอกตลอดทางเลย

ถึงโรงแรมตอน 8 โมง โรงแรมสวยมากอยู่ริมเขาเลย แต่มองออกไปนอกหน้าต่างไม่เห็นอะไรนะหมอกลง 555 พอเราไปแจ้งเชคอินเขาก็บอกว่าให้กลับมาอีกทีตอน10 โมงเพราะห้องยังไม่เรียบร้อยให้ฝากกระเป๋าไว้ก่อน ผมเลยตัดสินใจไปเที่ยวที่หมู่บ้าน cat cat ก่อนเพราะว่าขึ้นฟานซิปันตอนนี้ก็ไม่น่าจะมองอะไรเห็น

คนมาทิ้งกระเป๋าไว้แบบเราเยอะเลยเพราะเขาให้เชคอินหลัง10 โมง

ก่อนไป cat cat เลยไปหาข้าวเช้ากิน ไปเจอร้านข้างทางดูน่าอร่อยเลยเข้าไปกินสรุปว่าทำช้ามากกกก และก็ข้าวผัดแห้งติดคอมากรู้งี้สั่ง เฝอ ดีกว่า ถถถ พอกินเสร็จก็โบกรถไฟฟ้าไปที่ cat cat เขาคิดเหมา 4 คน 100,000 ดอง (140 บาท) แต่สรุปไปส่งไม่ถึงหมู่บ้านเพราะมีก่อสร้างต้องเดินลงไปอีกพอสมควร ถนนก็ค่อนข้างเปียกและก็มอไซค์เยอะมากๆขับกันน่ากลัวสุดๆ

หมู่บ้านกั๊ต กั๊ต (Cat Cat Village)

พอมาถึง cat cat ก็ต้องไปจ่ายค่าเข้าก่อนคนละ 150,000 ดอง (210 บาท) ในหมู่บ้านต้องเดินเข้าไปอีกค่อนข้างเยอะแรกๆจะเป็นร้านขายของและก็พวกร้านเช่าชุด มีมุมให้ถ่ายรูปนิดหน่อยแต่พอเดินเข้าไปถึงแม่น้ำตรงกลางหมู่บ้านจะมีการแสดงของชนเผ่าและก็มีน้ำตกเยอะเลยผมใช้เวลาอยู่ในหมู่บ้านประมาณ ชม กว่าๆก็นั่งรถกลับเข้าโรงแรงไปอาบน้ำ

ยอดเขา ฟานซิปัน (Sun World Fansipan Legend)

ผมซื้อตั๋วผ่านแอพ Klook มาในรายละเอียดบอกว่าสามารถ นั่งรถไฟ กระเช้า และก็รถรางไปจนสุดยอดเขาฟานซิปัน ซึ่งเป็นตั๋วไปกลับยกเว้นรถรางต่อสุดท้ายที่มีแค่ขาขึ้นต้องไปซื้อขาลงอีกรอบ

ก่อนอื่นเลยก็ต้องไปขึ้นรถไฟจากโรงแรม Sun Plaza สามารถเอาตั๋วให้เขาสแกนผ่านโทรศัพท์ได้เลยรถไฟจะวิ่งสั้นๆแต่เห็นวิวสวยอยู่ช่วงมีนาคมเขาบอกว่าจะมีดอกไม้ด้วยแต่ผมไม่เจอนะ 5555

หลังจากที่ลงรถไฟมาแล้วจะถึงสถานีกระเช้า จุดนี้ถ้าใครซื้อบัตรแบบมีบุฟเฟ่อาหารก็สามารถเข้าไปกินได้แต่ผมไม่ได้ซื้อไว้น่ะซื้อแค่ขึ้นรถเฉยๆเลยนั่งกินขนมปังกันก่อนที่จะขึ้นกระเช้า กระเช้าสูงและยาวมากๆ เห็นเขาว่าเป็นworld record เลย โดยที่กระเช้าจะวิ่งไปเรื่อยๆไม่มีหยุดถ้าช่วงไหนคนน้อยก็อาจจะได้เห็นกระเช้าเปล่าๆ ตัวกระเช้ามันใหญ่นะจากที่ผมมองด้วยสายตาน่าจะรองรับคนได้ไม่ต่ำกว่า 20 คนเลยแหละ ปล. พอขึ้นไปสูงๆแล้วลมแรงๆมีแกว่งด้วยนิดหน่อยน่าจะเพราะผมมากันแค่ 6 คนบนกระเช้าแต่ไม่น่ากลัวเพราะกระเช้าเขาแข็งแรงจริงๆ

พอมาถึงข้างบนก็จะมีขายอาหารขายของที่ระลึกและก็มีวัด แต่ลมแรงมากกก หนาวสุดๆและก็มองไม่เห็นอะไรเลยเดินขึ้นไปอีกหน่อยก็จะเจอรถรางพาขึ้นไปยังยอดเขา จริงๆเหมือนเราสามารถเดินขึ้นไปยอดเขาได้โดยไม่ต้องนั่งรถแต่ตอนที่ผมไปเขาปิดอยู่น่าจะเพราะมันอันตรายเพาะลมแรงและมองไม่เห็นทางเลย

พอลงมาจากยอดเขาก็เริ่มหิวพอดีเลยเดินไปกินที่ร้าน HOT POT Center คนไม่ค่อยเยอะมากแต่รสชาติไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ไม่รู้เพราะกินไม่เป็นหรือเปล่านะ 5555 ค่าอาหารโดนไป 900,000 ดอง (1300 บาท)

ฟองเต้าหู้อร่อยสุด จริงๆมีหนังปลากับปลาชุปแป้งทอดอีกแต่ถ่ายไม่ทันหิว

สรุปวันที่ 2 หลังกินข้าวเสร็จก็มืดพอดีวันนี้เดินเยอะหน่อยไปหลายที่ระหว่างกลับโรงแรงก็แวะถ่ายรูปเรื่อยๆบรรยากาศดีมาก

วันที่ 3 กลับฮานอย

วันนี้ตื่นเช้าอาบน้ำและก็กินข้าวเช้าของทางโรงแรมเสร็จแล้วก็ถ่ายรูปอีกนิดหน่อยและไปเชคเอ้าท์ ออกจากโรงแรมเพื่อไปที่ท่ารถบัส รอบนี้เรานั่งเป็นรถบัสนอนเพื่อกลับไปที่ ฮานอย รถออกตอน 10 โมงใช้เวลาเดินทาง 5 ชม

ถึงฮานอยเกือบ 5 โมงเย็นผมจองที่พักไว้ใกล้ๆท่ารถเลยเดินไม่ไกลก็ถึงโรงแรมแล้วหลังจากเชคอินก็เดินไปถ่ายรูปที่ทะเลสาบคืนดาบและก็หาข้าวเย็นกินกันที่ร้าน Lake View Side Restaurant ข้าวเย็นวันนี้รู้สึกเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดเลยจากที่ไปกินมาทั้งหมดราคากฝ้ไม่แพง 605,000 ดอง (860 บาท) มีปอเปี๊ยะ ซุป แล้วก็หมูทอด เมนูเขาจะเน้นไปทางเส้นที่คล้ายๆขนมจีนบ้านเรา กินเสร็จก็เดินไปถ่ายรูปที่โบสถ์

พอเริ่มดึกก็กลับที่พักแต่ว่ายังไม่ค่อยง่วงเลยลงมาหาเครื่องดื่มทานสักหน่อยก็เดินไปเรื่อยๆเพราะคาเฟ่ที่นี่เยอะมาก

สรุปวันที่ 3 วันนี้ก็เดินทางไปซะครึ่งวันแต่พอมาถึงที่โรงแรมในฮานอยแล้วก็อยู่ใจกลางตลาดพอดีมีของขายเยอะใครเป็นสายดื่มน่าจะถูกใจเพราะว่ามีเป็นเหมือนถนนแห่งเบียร์เลยที่สำคัญราคาไม่ค่อยแพงด้วยนะ

วันที่ 4 กลับไทย

วันสุดท้ายแล้ววันนี้ไม่มีไรมากตื่นเช้ามานั่งกินกาแฟไข่ของขึ้นชื่อของเวียดนาม หอมๆนัวๆ อร่อยมาก แต่พอดีผมเป็นคนไม่ค่อยกินกาแฟพอกินแล้วเลยมึนตื้บ 5555 หลังจากเชคเอ้าท์ก็กด Grab จากโรงแรมไปสนามบิน สนามบินที่นี่ดีหน่อยคนไม่เยอะไวกว่าสุวรรณภูมิบ้านเราเยอะมากๆ แต่ผมโชคร้ายดันไปเจอวันที่ผู้นำจีนมาเยือนเวียดนามพอดีเครื่องเลยดีเลย์ไปประมาณครึ่ง ชม. เส้าาาา

สรุปทริป

สำหรับทริปเวียดนามเหนือครั้งนี้ถึงแม้จะรู้สึกว่าเดินทางเยอะเพราะซาปาค่อนข้างไกลจากฮานอยแต่จังหวะที่ได้เที่ยวก็ได้เที่ยวแบบเต็มทีเลยยอดเขาฟานซิปันสวยมากๆถ้ามีโอกาสได้ไปซาปาก็ห้ามพลาดเลยล่ะช่วงเดือนสามที่ดอกไม้บานน่าจะสวยกว่านี้อีกนะ

จริงๆที่ซาปามีคาเฟ่ให้ถ่ายรูปเยอะมากๆด้วยแต่เพราะผมมีเวลาวันเดียวเลยไม่ได้ไปคาเฟ่เลย ถ้าใครอยากไป 4 วัน 3 คืนแล้วอยากที่ยวซาปา 2 วันก็ได้นะแต่ตั๋วเครื่องบินต้องได้รอบเย็นๆหน่อยแล้วนั่งรถยาวจาก ซาปาไปสนามบินเลยแต่สำหรับผม ผมว่ามันลุ้นไปหน่อยกลัวตกเครื่องเลยมาแวะนอน ฮานอยก่อนคืนนึง

แล้วคราวหน้าถ้าไปเที่ยวที่ไหนอีกผมจะมาแชร์นะครับสำหรับวันนี้ก็ขอลาไปก่อนบ้ายบายครับ

ใส่ความเห็น